รับมือลูกตอนปิดเทอม
พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล
ตอนนี้ก็คงใกล้จะปิดเทอมเต็มทีแล้ว คุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน หลายๆ ท่านก็คงเริ่มกังวลใจว่าปิดเทอมนี้จะดูแลลูกๆ กันอย่างไรดี หรือแม้แต่คุณแม่ที่อยู่กับบ้านก็คงเร่มรู้สึกว่าถึงช่วงเวลาที่จะต้องเตรียมอะไรบางอย่างให้กับลูกในช่วงปิดเทอม
จริงๆ แล้วช่วงปิดเทอมนั้นเป็นเวลาที่เด็กๆ จะสนุกสนานกัน ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรับมือกับความวุ่นวายความอลเวงที่เกิดขึ้นภายในบ้าน โดยเฉพาะท่านที่มีลูกหลายคน ลูกอยู่บ้านพร้อมๆ กัน บางทีก็เล่นเอาเลอะเทอะไปทั้งบ้านทีเดียว เพราะฉะนั้นทำอย่างไรเราจึงจะทำให้เด็กเองก็คงยังมีความสนุกสนานเพราะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับเขา คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะได้สนุกสนานไปด้วยกัน แล้วก็เป็นการสร้างเวลาที่มีความสุขร่วมกันในครอบครัวได้ดีทีเดียว
สิ่งแรกก็คือว่าลองจัดบริเวณในบ้านให้เป็นพื้นที่เฉพาะที่เด็กๆ สามารถเล่นได้อย่างอิสระ ตรงนี้สำคัญ อย่างที่บอกว่าเด็กเป็นช่วงที่มีความสนใจเรื่องการเล่นอย่างมาก และการที่จะให้เด็กอยู่นิ่งๆ แล้วเฉยๆ นั้นก็เป็นเรื่องยาก และอีกอย่างหนึ่งการเล่นนั้นเป็นประโยชน์กับเด็กมาก บางท่านอาจจะบอกว่าเตรียมวิดิโอไว้แล้ว แต่ก็คงไม่เป็นประโยชน์สำหรับเด็ก ถ้าเด็กจะอยู่หน้าจอทีวีดูวิดิโอหรือดูรายการการ์ตูนอยู่ตลอดทั้งวันอย่างนั้น
ลองพยายามหามุมที่เราคิดว่าเป็นมุมหนึ่งในบ้านที่มีอิสระสำหรับลูกได้ ของเล่นต่างๆ ที่เขามีหรืออุปกรณ์ที่อาจจะช่วยในการทำงานที่เด็กๆ สนใจ เช่น กระดาษ ดินสอ สี หรืออาจจะเป็นกาวหรืออาจจะมีสติ๊กเกอร์หรือมีอะไรบางอย่างที่เด็กสามารถใช้ในการทำงานหรือใช้ในการเล่นได้อย่างสนุก เราทำความตกลงกันว่า ตรงนี้เป็นมุมสำหรับเล่นของเขา เราเองก็อาจจะต้องทำใจว่ามุมนี้อาจจะค่อนข้างเลอะเทอะหรือสกปรกไปบ้าง เราก็อาจจะช่วยกันกับลูกในช่วงตอนเย็น หลังจากที่คุณกลับมาจากที่ทำงานหรือวันเสาร์อาทิตย์ เก็บกวาดให้สะอาดสักครั้งหนึ่ง แต่ในระหว่างวันบางทีเขาก็รื้อเอาของใช้ต่างๆ ออกมาเต็มไปหมด เพราะในเวลาถ้าเขาทำงานกิจกรรมต่างๆ เช่น งานศิลปะ บางทีอาจจะต้องการกระดาษ ดินสอ อะไรเยอะแยะไปหมด ก็อาจจะเอามากอง อาจจะมองดูเลอะเทอะไปบ้าง แต่เราก็ค่อยๆ สอนหรือมีอุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องการเก็บก็จะช่วยลดภาระคุณแม่ไปได้มากทีเดียว เช่น อาจจะมีกล่องขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เล่นเสร็จ เด็กก็เพียงแต่เก็บเอาของทุกอย่างใส่ลงไปในกล่องแล้วปิดฝากล่อง ก็จะดูเป็นระเบียบมากขึ้น ถ้าเราทำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยบางทีกว่าจะเก็บได้หมดต้องมาจัดระเบียบ ถ้าเป็นเด็กอายุน้อย บางทีเด็กจะทำได้ยาก แต่ถ้าเรามีที่เก็บขนาดใหญ่เพียงแต่เอารวมกันไป ไม่ยากจนเกินไปนักสำหรับเขาที่จะเก็บ ก็จะง่ายขึ้นในการดูแล
ส่วนเรื่องของความสะอาด สกปรกก็คงอย่างที่ว่าคงต้องยอมรับว่าท่านที่มีลูกเล็กๆ บางทีการเล่นของลูกอาจจะเลอะเทอะไปบ้าง แต่เขาก็เรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง การเตรียมความพร้อมของเรานั้นจะช่วยลดภาระเรื่องการทำความสะอาดมาก เช่น อาจจะมีแผ่นพลาสติกคลุมที่พื้น หรืออาจจะเลือกใช้สีแบบที่เราเรียกว่าเป็นสีน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถซักออกได้ เราก็ไม่ต้องไปกังวลว่าสีเปื้อนเสื้อผ้า สีไปเปื้อนตรงนั้นตรงนี้ จะเช็ดออกไหม ถ้าเราเลือกใช้สีที่มีลักษณะคุณสมบัติอย่างที่ว่าคือซักออกได้ เราก็ไม่ต้องมานั่งกังวล เพราะการทำงานศิลปะหรือการทำกิจกรรมของลูก โอกาสที่จะไม่เลอะเทอะบางทีก็ยากเหมือนกัน
ถ้าเราเตรียมความพร้อมให้ดีก็จะง่ายกว่าในการดูแลเด็ก แล้วก็ควรจะมีข้อตกลงร่วมกันว่าในช่วงปิดเทอมแม้ว่าลูกๆ จะไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว แต่ก็ยังมีกฎของบ้านบางอย่างที่ยังต้องทำ เช่น เวลาเข้านอน แต่ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็อาจจะต้องยืดหยุ่นนิดหน่อยในช่วงปิดเทอม เด็กๆ อาจจะเข้านอนดึกขึ้น แต่ไม่ควรจะดึกมากจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นพอใกล้เปิดเทอมก็ต้องมาปรับเรื่องเวลานอนกันใหม่ หรือว่าตอนเช้าแม้ว่าจะปิดเทอมแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะนอนไปจนกว่าจะไปตื่นอีกทีเที่ยงอย่างนี้ ก็คงจะเกินไป ก็อาจจะยังต้องตื่นตอนเช้าเหมือนเดิม แต่ว่าตื่นอาจจะสายลงบ้าง
ตรงนี้ท่านที่มีใครช่วยดูแลอยู่ที่บ้านก็อาจจะสะดวกขึ้น เพราะคุณพ่อคุณแม่บางทีก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เด็กๆ ก็จะอยู่ที่บ้านกัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะต้องมีวิธีการที่เราจะตรวจได้ว่าลูกตื่นนอนรึเปล่าตอนเช้า ตื่นมาแล้วเขาควรจะต้องทำอะไรที่เป็นความจำเป็นเช่น หน้าที่ในบ้านบางอย่างที่เคยทำตั้งแต่ตอนเปิดเทอม ปิดเทอมแล้วก็คงทำต่อไปตามปรกติ เพียงแต่เขามีเวลาว่างมากขึ้นในการเล่น หรือทำอะไรในช่วงอิสระของเขาเอง สิ่งเหล่านี้เด็กๆ ก็คงจะทำตามปรกติคล้ายกับตอนที่ยังเปิดเทอมอยู่ เมื่อมีเวลาว่างช่วงเวลาอย่างนี้คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะต้องพยายามหาเวลาว่างมากขึ้นสำหรับตัวท่านเองในการที่จะทำกิจกรรมกับลูกเพราะว่าถึงอย่างไรแม้ว่าในท่านที่มีลูกโตแล้วเขาอาจจะทำกิจกรรมเองได้หลายอย่าง เราก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องมีเวลาร่วมกันที่จะทำอะไรในช่วงปิดเทอมบ้าง
การหาเวลาว่างเพื่อไปทำกิจกรรมอาจจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้านที่สนุกๆ กับเด็กๆ ก็จะทำให้เด็กเขาตื่นเต้นมากขึ้น หรือรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่เตรียมไว้ว่าวันรุ่งขึ้นจะมีอะไร เขาก็จะมีความสนุกสนานมากขึ้นในช่วงปิดเทอม และรู้สึกว่าเขาต้องรอคอยอะไรที่เขามีความต้องการ เราอาจจะเตรียมความพร้อม อาจจะต้องช่วยฝึก เด็กเองก็จะได้รับการฝึก เช่น ถ้าเราจะออกนอกบ้านไปทำกิจกรรมด้วยกัน อาจจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์เตรียมของบางอย่าง ลูกๆ ก็จะได้รับการฝึกในสิ่งเหล่านี้ไปด้วย แทนที่เราจะจัดการให้เขาเสร็จจนหมดลูกแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ตื่นเช้าขึ้นมาก็มีคนเตรียมให้ทุกอย่างแล้วก็ขึ้นรถออกไปทำกิจกรรมกัน เราควรจะหาโอกาสอันนี้เป็นการสอนลูกไปในตัว ลองช่วยกันคิดดูว่าถ้าจะไปที่สวนสาธารณะเพื่อจะไปทำอะไรบางอย่างเราจะต้องเตรียมอะไรก่อนบ้าง อาจจะเตรียมเอาไว้ก่อนที่จะไปในวันรุ่งขึ้น เขาก็จะได้รับการฝึกเหล่านี้ เมื่อถึงตอนเช้า ก็ควรจะให้ลูกมีส่วนร่วม เช่น หยิบของขึ้นรถ จัดของในรถ วางให้เป็นที่ทางที่เข้าที่ดี และเมื่อไปถึงในที่ที่เราพร้อมจะทำกิจกรรมด้วยกันก็ร่วมมือกันและช่วยกัน
เพราะฉะนั้นการมีกิจกรรมร่วมกันนั้นคือไม่ใช่เพียงแค่ทำอะไรด้วยกัน เด็กควรจะมีส่วนในการคิด การตัดสินใจ การวางแผนร่วมกันกับคุณพ่อคุณแม่ ก็จะเป็นการฝึกเขาไปด้วยในตัว ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็คงจะลองหากิจกรรมอะไรที่คิดว่าเราทำร่วมกับลูกแล้ว ตัวเราก็ได้ความเพลิดเพลินและความสนุกสนานไปด้วย
อย่ารู้สึกว่าเป็นภาระหรือเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ปิดเทอมทีหนึ่งเราก็ต้องฝืนใจทำอะไรที่เรารู้สึกไม่ชอบ ความจริงแล้วมีอะไรหลายอย่างที่เรากับลูกอาจจะทำร่วมกันได้อย่างสนุกสนาน สำหรับบางท่านอาจจะรู้สึกว่าอยากจะหากิจกรรมที่มีคนช่วยทำให้กับลูกแทน ก็คงจะต้องมาตกลงกันว่าปิดเทอมอย่างนี้เราจะหากิจกรรมอะไรหรือจะให้ลูกไปร่วมกิจกรรมอะไรที่คิดว่าตัวเขาเองก็มีความถนัดและความสนใจอยากจะเน้นในจุดตรงนี้ว่าในช่วงปิดเทอมน่าจะเป็นเวลาพักผ่อน น่าจะเป็นเวลาที่เด็กได้เรียนรู้ความถนัดและความสนใจบางอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขา แทนที่เขาจะต้องกลับไปนั่งทบทวนบทเรียนอย่างที่เรียนเหมือนเมื่อตอนเปิดเทอมทั้งหมด
บางท่านอาจจะเลือกการไปเรียนพิเศษซึ่งก็คือการไปเรียนเหมือนตอนเปิดเทอมทุกอย่าง ทำให้เด็กเรียนรู้ในเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ หรือบางทีเด็กก็เรียนแบบฝึกหัดที่ไปล่วงหน้าก็คือเอาแบบฝึกหัดของเทอมต่อไปมาทำจนหมดในช่วงปิดเทอม เมื่อถึงเวลาเปิดเทอมและต้องทำงานในโรงเรียน เด็กก็รู้สึกว่าเบื่อเพราะว่าเขาเรียนจนหมดแล้วในช่วงปิดเทอม จึงอาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับลูกเลย น่าจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้บางอย่างซึ่งในช่วงเปิดเทอมอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะทำได้ เช่น เด็กสนใจในเรื่องของงานศิลปะอย่างมาก หรือมีความสามารถในเชิงการวาดภาพ แต่ในช่วงเปิดเทอมอาจจะทำได้เฉพาะในชั่วโมงศิลปะ แต่ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้เราอาจจะหากิจกรรมหรือหาโรงเรียนที่ช่วยพัฒนาลูกในเรื่องของการวาดภาพ เขามีโอกาสใช้เวลาอย่างเต็มที่ เรียนรู้ในสิ่งที่เขามีความสนใจและความถนัด ก็จะช่วยทำให้เด็กรู้สึกว่าเขาได้พัฒนาบางอย่างที่เป็นความสามารถพิเศษของเขา
คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะกังวลใจว่าหากปล่อยให้ลูกเรียนในเรื่องที่เป็นความสามารถหรือสิ่งที่เป็นนอกบทเรียนเสียหมด เปิดเทอมแล้วลูกก็จะหมดความสนใจหรือไม่ตั้งใจเรียนเอาแต่สนใจความสามารถพิเศษที่มีอยู่ ความจริงตรงนี้ขึ้นอยู่กับการจัดระเบียบในกิจวัตรประจำวันของเรา การเรียนรู้ในความถนัดพิเศษอาจจะเป็นเวลาที่มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าลูกยังคงปฏิบัติหรือทำทุกอย่างใกล้เคียงกับตอนเปิดเทอมอย่างที่เราพูดไปแล้ว เช่น เวลานอนเวลาตื่น งานรับผิดชอบในบ้าน สิ่งเหล่านี้ยังทำด้วยตัวของเขาเองโดยสม่ำเสมอ เมื่อใกล้เวลาเปิดเทอมเราอาจจะเพียงทบทวนเรื่องบทเรียนบ้างเล็กน้อย เด็กก็จะสามารถกลับเข้าสู่ระบบการเปิดเทอมได้ตามปรกติ แต่โอกาสดีๆ ที่ลูกจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่เป้นความถนัด ก็อาจจะสร้างความรู้สึกที่ดีความภาคภูมิใจให้กับเด็ก นอกจากนี้อาจจะกลายเป็นงานอดิเรกที่เป็นประโยชน์กับตัวของเขาเองในวันข้างหน้า ก็ถือได้ว่าช่วงปิดเทอมคือช่วงหนึ่งที่เป็นโอกาสที่ดีที่เด็กจะได้เรียนรู้ มีพัฒนาการในสมองแทบทุกด้าน แทนที่จะใช้สมองในเชิงด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว
ในเด็กที่มีความสนใจในเรื่องวิชาการ เช่น เด็กอาจจะมีความถนัดเรื่องวิทยาศาสตร์หรือเรื่องคณิตศาสตร์ค่อนข้างมาก นี่ก็ไม่ได้แปลว่าปิดเทอมแล้วจะต้องเคี่ยวเข็ญให้ลูกไปวาดภาพ เราน่าจะดูตามความถนัดและความสนใจของเขา หากเขามีความสนใจในเรื่องของเชิงวิชาการ แต่กิจกรรมก็ไม่ควรซ้ำกับในช่วงที่เรียนในชั้นเรียน อาจจะเป็นกิจกรรมที่ทำให้เขามีความพัฒนาในเรื่องของคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ในรูปแบบที่สนุกสนาน อยากจะเน้นในเรื่องของความสนุกสนาน เพราะปิดเทอมน่าจะเป็นช่วงพักผ่อนสำหรับเด็กๆ ช่วงเวลาที่เขาได้ผ่อนคลายด้วย ไม่ใช่ช่วงเวลาของการเรียนรู้เพียงอย่างเดียว
หากกิจกรรมที่เราคุยกันกับลูก และลูกมีความสนใจเป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งการเรียนรู้ ให้ทั้งความสนุกสนาน และตอบสนองความสนใจของเด็ก ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวเด็กเอง อีกจุดหนึ่งที่พูดถึงเมื่อสักครู่ก็คือการวางแผนร่วมกัน ทุกครั้งที่เราจะตัดสินใจหรือเลือกอะไรให้กับลูก น่าจะให้โอกาสเขามีส่วนร่วมในการวางแผนและการตัดสินใจ ซึ่งจะเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเด็กในวันข้างหน้าที่เขาจะรู้จักคิดรู้จักเลือกเรื่องที่ดีและเรื่องที่เหมาะกับตัวเอง ฝึกที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง บอกได้ว่าตัวเองมีความต้องการอะไร คิดอย่างมีวิจารณญาณ เลือกในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองและได้ทำในสิ่งที่เหมาะสมกับเขา ถ้าเราคิดและตัดสินใจให้กับลูกจนหมด ลูกอาจจะขาดโอกาสการฝึกฝนตรงนี้ ไม่อย่างนั้นเองเด็กอาจจะเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจในสิ่งที่เราเลือกให้ด้วย เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสหรือมีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจเลย
ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะให้สิทธิกับลูกๆ ในการที่จะออกเสียงได้ ที่จะเลือกกิจกรรมในช่วงของการปิดเทอม ในเวลาที่เราไปนอกสถานที่อาจจะมีบางอย่างที่เล่นแล้วสนุกสนานเพลิดเพลินมากเด็กๆ อาจจะรู้สึกว่าไม่อยากกลับ หรืออาจจะรู้สึกว่ายังอยากอยู่แล้วก็อยากสนุกต่อไป ตรงนี้ก็อาจจะเป็นช่วงหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องมีการเตรียมความพร้อม เช่น บางท่านช่วงปิดเทอมอาจจะพาลูกไปเที่ยวสวนสนุกเด็กๆ อาจจะสนุกสนานมากจนไม่อยากกลับบ้าน จริงๆ แล้วเมื่อใกล้ถึงเวลากลับบ้าน เราควรจะเตือนก่อน ไม่ใช่ว่าเด็กๆ กำลังเล่นสนุกกัน พอถึงเวลาที่ผู้ใหญ่คิดว่าจะกลับเราก็กลับเลย เด็กๆ อาจจะรู้สึกไม่พอใจ เราอาจจะเตือนเขาก่อนถึงเวลา
เพราะฉะนั้นเป็นการทำให้เขาต้องวางแผนว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือเขายังอยากจะทำอะไรอีกบ้างก่อนที่จะกลับบ้าน ตรงนี้ก็จะทำให้เด็กมีความพร้อมขึ้น หัดวางแผนตัวเองและเมื่อถึงเวลาก็สามารถกลับบ้านได้
จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วช่วงปิดเทอมไม่ใช่ช่วงวุ่นวายเสมอไป เราสามารถที่จะจัดกิจกรรมหรือเตรียมความพร้อมบางอย่างที่ทำให้ลูกยังคงสนุกสนานได้ทั้งที่บ้านหรือกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งจะทำให้เขาได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีแม้จะเป็นช่วงปิดเทอมก็ตามที
ขอขอบคุณบทความสุขภาพจิตจากพญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล